ช่วงหยุดยาวสงกรานต์ปีนี้มีโอกาสไปเที่ยงต่างแดนเป็นครั้งแรก ด้วยระยะเวลาและงบประมาณ จึงตกลงว่าเอาใกล้ๆไทย นั้นคือ ฮ่องกง นั้นเอง
หนึ่งในทริปนอกจากไปเที่ยวดูวิถีชีวิตแล้ว ก็ต้องไปชิมกาแฟบ้านเค้าดูบ้างว่าแตกต่างกับบ้านเราอย่างไรบ้าง ผมจึงขอเขียนรีวิวแบบง่ายๆให้อ่านกันนะครับ
ร้านแรกที่ไป อยู่ใกล้ที่พักที่สุด เช็คอินแล้วเดินหาเลยครับ Knockbox Coffee Company
อยู่บริเวณมงก๊กครับ แหล่งชอปปิ้ง อยู่เลยจากเลดี้มาเก็ตมานิดหน่อย
สั่ง espresso ร้านจะมีให้เลือกเป็นเบลนด์หรือซิ้งเกิ้ลออริจิ้น เลยสั่งมาอย่างละชอต วันนั้นซิ้งเกิ้ลเป็น เอธิโอเปีย (แหล่งจำไม่ได้)
รสชาติออกมาดีมากครับ มีความซับซ้อนดี ไม่ขาดช่วง อาฟเตอเทสยาว ถือว่าเป็นเริ่มร้านแรกก็ดีแล้วครับ ราคาต่อแก้วอยู่ที่ 26 เหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 110 บาท ทุกร้านจะราคาประมาณนี้หมดครับ
ร้านต่อมา 18 grams สาขานี้เป็นสาขา 2 นะครับ สาขาแรกอยู่ครอสเวย์เบย์ สาขานี้จะอยู่ชั้นใต้ดินของห้างอะไรซักอย่างผมไม่เห็นชื่อ อยู่แถวมงก๊กเหมือนกัน ใกล้กับร้านแรกครับ
ถึงอยู่ชั้นใต้ดินแต่คนเยอะนะครับ จะเห็นจากป้ายว่า นอกจากกาแฟแล้วร้านกาแฟที่นี้จะมีอาหารจานเดียวบริการด้วย (มีเกือบทุกร้าน) ทั้งทีร้านเล็กถึงเล็กมาก แถบจะเดินสวนกันหลังบาร์ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังสามารถจัดการบาร์ได้ ยอดเยี่ยมมากๆ ส่วนนึงอาจจะเพราะที่ดินที่นี้ค่าเช่าแพงมาก ทำให้จำเป็นต้องเพิ่มสินค้าให้หลากหลาย
ร้านนี้ผมสั่งพิโกโร่ลาเต้ ร้านจะแถมขนมคล้ายๆคิทแคทชาเขียวมาให้ทานด้วย
ร้านต่อไปย้ายมาแถว สถานีรถไฟฟ้า Sheung Wan โซนนี้ผมเดินหลงอยู่พอสมควร กว่าจะเจอร้านแรกคือ Coco Espresso
ร้านนี้เป็นร้านที่เล็กที่สุดในทริปที่ไปมาเลยครับ เล็กมากขนาดร้านประมาณ 3×6 เมตร เห็นจะได้ มีบาร์นั่งได้ 4 คน โต๊ะ 1 ชุดเท่านั้น
แต่อุปกรณ์ที่ร้านเห็นแล้วไม่เล็กนะครับ La Marzocco linea กับเครื่องบด mazzer 2 ตัว nouva on demand 1 ตัว ไม่ธรรมดาจริงๆ สั่ง espresso ออกโทนชอคโกแลตดีครับ ชอบๆ
ร้านนี้คุยกัยถูกคอเพราะชอบ La Marzocco เหมือนกัน เลยได้โอกาสถามทางไปร้านอื่นๆต่อ ป้องกันการหลงทางครับ
The Cupping Room ร้านนี้ไม่ไกลจากร้านที่แล้ว ร้านมีดีกรีแชมป์หลายรายการในฮ่องกง ผมไปถึงช่วงก่อนเที่ยง คนเยอะมากๆ พนักงานในร้านหลายคนก็ทำงานกันได้อย่างคล่องแคล่วเต็มที่
ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านที่ขายอาหารจานเดียวเช่นกัน เป็นแนวสลัด ขนมปังอบ ออมเล็ท รวมในจานเดียวกัน ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร แต่เห็นหลายโต๊ะสั่งมาทาน พร้อมกันกับกาแฟไปด้วย บางโต๊ะก็สั่งอาหารมากินอย่างเดียว เพราะอยู่ในโซนที่ผู้คนเดินกันเยอะ แถบนี้ร้านอาหารส่วนใหญ่จะเป็นฟ้าดฟู๊ดหรือว่าอาหารจีนแบบเก่าไปเลย อาหารแนวสมัยใหม่แบบนี้จึงแตกต่างออกมา
(ที่เห็นในรูปข้างบนนั้น หลังเครื่องชงกาแฟ เชฟ 2 คนกำลังยกกะทะผัดอาหารกันอย่างเร่งรีบ)
Barista Jam อยู่ไม่ไกลจากร้านที่แล้วเช่นกัน ร้านนี้มี La Marzocco ถึง 2 เครื่อง แต่แปลกใจที่ใช้ Strada อยู่แค้หัวเดียวเท่านั้น
ร้านนี้ไม่มีอาหารแต่จะมีขนมหลากหลายชนิดให้ทานคู่กันด้วย กาแฟคั่วก็มีใส่ขวดโหลทรงยาวให้ได้ดูและเลือกซื้อกัน
ข้ามมาเขต Wan Chai ผมชอบย่านนี้ที่สุดแล้ว เพราะวุ่นวายน้อยสุด ไม่ค่อยมีคนเดินอย่างเร่งรีบ สามารถเดินช้าๆดูบรรยากาศรอบข้าง มีที่นั่งให้พักหายเหนื่อยได้
The Coffee Academics เป็นร้านแรกที่อยู่ติดถนนใหญ่ เห็นชัด ร้านนี้ใหญ่กว่าร้านอื่นๆ ตกแต่งค่อนข้างหรูหรา มีอาหารบริการร่วมทั้งขนมอบ มีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์บริการด้วย เรียกได้ว่ามาร้านเดียว ครบอยู่ได้ทั้งวัน คนมาใช้บริการก็มีวัยรุ่นบ้าง ส่วนใหญ่จะวัยทำงานเพราะราคาจะสูงนิดนึง
วันนั้นผมชิม espresso มาเยอะ เลยเปลี่ยนเป็นคาปูชิโน่
เดินถัดมาอีกไม่ไกล จะเจอร้าน Rabbit Hole ร้านนี้เป็นร้านที่คั่วกาแฟใช้เอง แต่ไม่แน่ใจว่าคั่วที่ไหนนะครับ เพราะไม่เห็นเครื่องคั่ว
synesso กับ Amfine Caimano 3 ตัว ถึงจะเป็นร้านในซอยแต่คุณภาพจัดเต็ม ผมลอง espresso ไป 1 ชอต คุณภาพดีคั่วเข้มแต่ไม่ขม ชอคโกแลตและถั่ว มาเลย
ร้านนี้เจ้าของร้านก็ให้ความสนใจเราดี แนะนำแหล่งที่มาของกาแฟได้หลายๆตัว ชี้แจงละเอียดดีครับ
อีกอย่างที่ผมชอบคือร้านนี้มีน้ำเปล่าให้บริการ ห้องน้ำสะอาดและกว้างครับ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปเองและต้องเดินเท้าเยอะๆ ก็เหนื่อยครับ ถ้ากินน้ำเย็นๆ มีห้องน้ำ ถือว่าเป็นตัวช่วยได้มากยามเหนื่อย ต้องขอบคุณร้านนี้อีกที
มาที่ย่าน Tsim Sha Tsui ครับ
เดิมที่ร้านนี้ไม่อยู่ในแผนการเดินทางครับ แต่ระหว่างทริปมีคนแนะนำให้ไป ที่ยังไม่รู้จักร้านนี้เพราะพึ่งเปิดได้ 2 อาทิตย์เท่านั้น
ร้าน N1 อยู่สถานีไฟฟ้า Tsim Sha Tsui ทางออก N1 เดินออกมาแล้ววกกลับไปหา 5 แยก ร้านอยู่หัวมุมเลยครับ
ถึงร้านนี้จะเปิดใหม่ แต่เจ้าของเก๋าประสบการณ์นะครับ เป็นร้านในกลุ่ม Barista Academy กลุ่มของคนทำกาแฟ ที่เปิดร้านในชื่ออื่นๆมาก่อนแล้ว
ร้านนี้ถูกสุดในทริปนะครับ espresso single อยู่ที่ 20 เหรียญฮ่องกง หรือ 84 บาท เท่านั้น คุณภาพคับแก้ว ยอดเยี่ยมเช่นเคย
สถานีรถไฟฟ้า Central ย่านชอปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม
Holly Brown ร้านนี้มีหลายสาขานะครับ แต่ผมก็หลงๆมาเลือกหาสาขานี้ ซึ่งนึกว่าอยู่ในห้องแถว หรือว่าชั้นใต้ดินในห้าง แต่คิดผิดครับ ที่แท้อยู่บนชึ้นลอยบนชอปปิ้งมอลแห่งนึง (ไม่มีชื่อ) ต้องเดินเข้ามาถึงจะหาเจอ ร้านเป็นช๊อปเล็กๆครับ (แต่เครื่องไม่เล็ก)
เป็นร้านเดียวที่ใช้เครื่องชง Spirit 3 หัวแถมด้วย เครื่องบด Mazzer อีก 2 ตัว อุปกรณ์การันตีคุณภาพแน่นอน สั่ง espresso single พนักงานจัดแจงมาให้ ค่อนข้างที่จะโอเคทีเดียวครับ
เดินต่อมาที่ห้าง IFC Mall ห้างนี้เป็นห้างใหญ่อยู่ใกล้กับท่าเรือ ใต้ห้างนี้มีรถไฟฟ้าสายหลัก และสายด่วนวิ่งไปถึงสนามบิน นับว่าสะดวกมากๆ
ร้าน Fuel อยู่ชั้น 3 ติดบันไดเลื่อน วิวดีเหมาะแก่การพักผ่อน แต่ร้านนี้ที่ผมมาได้ยินว่ามีดีกว่านั้น
Fuel ผมไม่แน่ใจว่าที่นี้เป็นสาขาหลักหรือเปล่า แต่จากข้อมูที่ได้มา บาริสต้าที่นี้เค้าการันตี ว่าผ่านการฝึกมาอย่างดีทุกคน ช่วงที่ผมไปเป็นวันอาทิตย์ คนเยอะมาก ไม่ค่อยมีเวลาสอดส่องเท่าไร แต่โดยรวมแล้วบรรยากาศร้านดีครับ ที่นี้ไม่มีอาหารเสิร์ฟจะมีขนมนิดๆหน่อยๆเท่านั้น
และด้วยไม่มีอาหารมาช่วยเพิ่มยอดและอยู่ในห้างใจกลางเมืองแบบนี้ ราคาก็สูงไปด้วย ชอตนี้ตกที่ 36 เหรียญฮ่องกง ประมาณ 150 บาท แต่คุณภาพที่ได้คุณราคาครับ แก้วแบบนี้ผมว่าช่วยให้ espresso อร่อยขึ้นนะ
Mr.Brown เป็นแบรนด์กาแฟของฮ่องกงครับ เห็นโฆษณาตามที่ต่างๆเยอะ เลยลองซื้อมากิน ก็ประมาณเนสกาแฟบ้านเราครับ สมูทกว่านิดหน่อย
ไหนๆมาแล้วก็ต้องลองแบรนด์ระดับโลกที่มาเปิดที่ฮ่องกงกันบ้าง ที่นี้สตาร์บัคเยอะมากครับ แต่ผมขอเลือกสาขานี้
เพราะเป็นสาขาที่ใช้ เครื่องชง La Marzocco GB5 กับ Mazzer 2 ตัว ส่วนสาขาอื่นๆผมเห็นเป็นแบบ auto หมดแล้ว
แต่น่าเสียดายที่กาแฟคั่วเข้มกับเก่าไปหน่อยครับ กินยากเลยทีเดียว สาขานี้มีขนมอบและสลัดให้เลือกทานด้วยนะครับ
ร้านแบรนด์เนมของฮ่องกง Pacific Coffee เห็นหลายสาขา พึ่งได้ลองวันสุดท้ายครับ ร้านนับว่าทำออกมาได้มาตราฐานร้านอาหารและเครื่องดื่มมากๆ มีแซนวิทและขนมต่างๆให้เลือกเยอะพอสมควร
กาแฟมีเมล็ดต่างประเทศด้วย แต่เสียดายผมสื่อสารไม่ค่อยเก่ง เลยได้คาปูชิโน่มา 1 แก้ว ผมไม่แน่ใจว่าเค้าใช้กาแฟ 1 ชอตกับแก้วประมาณ 8 ออนซ์หรือเปล่า เพราะมันจืดมาก แทบจะไม่ได้รสกาแฟเลย หรืออาจจะเป็นวัฒธรรมกาแฟกินกาแฟส่วนใหญ่ของชาวจีนและฮ่องกงที่กินรสชาติไม่จัดจ้านเท่าคนไทย
สรุป.. ร้านกาแฟที่ผมไปเกือบทุกร้านจะจัดเต็มมาก ลงทุนเก็บร้านละเอียดทุกอย่าง ทุกร้านมีเครื่องเก็บเงินที่ออกบิลในนามร้านได้ ร้านที่ขายดีๆจะมีอาหารอย่างง่ายให้บริการ และพนักงานในร้านทุกคนดูกระตือรือร้นให้บริการอย่างเต็มที่ ทำให้ร้านแต่ล่ะร้านดูมีพลังของความตั้งใจจริงๆครับ