นอกจากการชงกาแฟและการคั่วกาแฟแล้ว กระบวนการเก็บเกี่ยวกาแฟ (หรือที่นิยมเรียกว่า Process) ก็สำคัญมากๆในการทำให้ได้มาซึ่งกาแฟคุณภาพดี ปีนี้เราได้มีโอกาสอันดี ไม่เพียงแต่ได้ไปดูกระบวนการเก็บเกี่ยวเท่านั้น ยังได้ลงมือทำทุกขั้นตอนแบบเกษตรกรเป็นเวลาทั้งหด 4 วัน
หมู่บ้านที่เราไปพักอยู่ด้วย อากาศดีมาก อยู่ท่ามมกลางหุบเขา
บริเวณไร่กาแฟ คนงานกำลังเก็บกาแฟ (ได้หลายกระสอบแล้ว)
ต้นกาแฟมีทั้งแบบผลแดงและผลเหลือง
ผลสุกเกือบทั้งต้น
ขึ้นค่อนข้างหนาแน่น
เจอผลกาแฟสีส้มด้วยครับ เราสนใจจึงทำกาแฟทำลองแยกไว้เพื่อทดสอบว่าจะได้รสชาติที่แตกต่างจากเมล็ดแดงและเหลืองหรือเปล่า
กระบวนการแปรรูปแบบ Dry และ Honey จะตากบนผ้าใบเท่านั้น
ตอนเช้าเมื่อแดดเริ่มมาจะเปิดผ้าใบและเกลี่ยกาแฟให้กระจายตัวรับแสงแดดให้ทั่วถึง ตอนเย็นเมื่อแดดหมดแล้วก็พับผ้าใบกันน้ำค้างตอนเช้า
ตากวันแรงจะยังไม่แห้งเท่าไรครับ
ความยากของกระบวนการแบบ Dry คือจำนวนพื้นที่ตาก และต้องตากหลายวันกว่าเมล็ดจะแห้ง
แผ่นนี้น่าจะตากได้ 2-3 วันแล้ว
Honey เป็นกระบวนการที่ปลอกเปลือกกระลาออก แต่ไม่ล้างเหมือก ตากทั้งเหมือก เมื่อแห้งก็จะมีรอยเหมือนอบน้ำผึ้งอยู่ด้วย
การตากก็แบบ Dry เช้ามากางผ้าใบ เกลี่ยให้ทั่ว ตอนเย็นก็มาเก็บ แต่จะยากตรงที่ตัวเหมือกจะแห้งติดผ้าใบ ทำให้เสียเวลาในการเกลี่ยนตอนเช้า และเก็บตอนเย็น
กระบวนการสุดท้าย wash เป็นกระบวนการที่นิยมกันมากที่สุดของทุกแหล่ง ล้างง่าย สะอาด แห้วเร็ว โดยที่แบบ wash นี้จะตากบนแคร่ ให้ลมผ่านได้ เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟที่ดอยสะเก็ด กาแฟที่ได้จะมีรสสะอาด
สรุป. จากการไปใช้ชีวิตแบบเกษตรกรมา 4 วัน ได้เรียนรู้หลายอย่างที่หาไม่ได้จากในเนต ได้รู้ข้อจำกัดในการกาแฟในแบบต่างๆ ได้รู้ความยากของเกษตรกรที่กว่าจะ ปลูก ให้ปุ๋ย หาคนงาน หาเงินก้อนมาจ่ายค่าเก็บกาแฟ แรงงานในการช่วยตาก พื้นที่ตาก พื้นที่เก็บกาแฟกะลา และอื่นๆอีกมากมาย
เรายังยืนยันว่าทั้งกระบวนการทำกาแฟทั้งหมด ที่ยากที่สุดคือการปลูกและแปรรูป หากคุณได้กินกาแฟแก้วไหนที่อร่อย คนแรกที่ควรยกย่องคือเกษตรกรที่ปลูกกาแฟตัวนั้นครับ